top of page
ค้นหา

📜 สรุป พ.ร.ก. 2 ฉบับใหม่ (มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 2568)

📜 สรุป พ.ร.ก. 2 ฉบับใหม่ (มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 2568)

🛡️ 1. พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568


 จุดเด่น

• 💸 ธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินคืนเงินผู้เสียหายได้โดยไม่ต้องฟ้องแพ่ง หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นเงินที่ถูกหลอกลวง

• 🏦📱 ธนาคาร-เครือข่ายมือถือมีส่วนรับผิดชอบร่วม ต้องให้ข้อมูล ช่วยสกัดและระงับการใช้บัญชี/เบอร์ต้องสงสัย

• 🚫 อายัดบัญชีและธุรกรรมได้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายถอนเงินหนี

• 🔄 จัดตั้งระบบกลาง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานแบบทันที เช่น ศูนย์รับแจ้งเหตุ 1441 และระบบ TCAC


🎯 เหตุผล


เพื่อ คุ้มครองประชาชนสุจริตที่ถูกหลอกผ่านโทรศัพท์-ออนไลน์

- เพราะปัจจุบันมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายสูง

- จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยสาธารณะ


🪙 2. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568


 จุดเด่น

• ควบคุม ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต่างชาติ ที่ให้บริการกับคนไทย แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย

ป้องกันการใช้แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางฟอกเงินหรือหลอกลวง

• เพิ่มอำนาจรัฐในการ ตรวจสอบและสั่งการ แพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง


🎯 เหตุผล


- เพื่อให้การกำกับดูแลครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

- ป้องกันภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือ

- รองรับเทคโนโลยีใหม่แต่ต้องไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ


🗓️ มีผลบังคับใช้: 13 เมษายน 2568

(1 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา)


🔗 อ่านฉบับเต็มในราชกิจจานุเบกษา:

พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘

.

พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘



สรุปพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับใหม่ 2568)

✨ อัปเดตใหม่ล่าสุด ต้อนรับสงกรานต์! 🌊💻📱


📅 1. เริ่มใช้เมื่อไหร่?

ประกาศ: 12 เม.ย. 2568

เริ่มบังคับใช้: 13 เม.ย. 2568 เป็นต้นไป


🪙 2. เพิ่มนิยาม “สินทรัพย์ดิจิทัล”

• ครอบคลุม ระบบจัดเก็บ บัญชี กระเป๋าเงินดิจิทัล

• เชื่อมโยงกับ พ.ร.ก.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เพิ่งแก้ไข


 3. คืนเงินเร็วขึ้น ไม่ต้องรอศาล

• เจ้าหน้าที่สามารถ คืนเงินให้ผู้เสียหายได้เลย

• ลดขั้นตอน ลดภาระของศาล = สะดวก รวดเร็ว


🌐 4. สกัดเว็บ/แพลตฟอร์มต่างชาติผิดกฎหมาย

• ป้องกัน ฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ

• กระทรวง DE มีอำนาจ ปิดเว็บไซต์/จัดการบัญชีม้า


🔄 5. เปิดทาง “แลกเปลี่ยนข้อมูล” ระหว่างหน่วยงาน

• เช่น ธนาคาร - ค่ายมือถือ - หน่วยงานรัฐ

• เพื่อช่วยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์


🔐 6. กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยภาคเอกชน

• เช่น บล็อก SMS หลอกลวง

• กำหนดมาตรการที่ต้องปฏิบัติตาม โดยหน่วยงานกำกับดูแล


🧭 7. ยกระดับ AOC1441 เป็น “ศปอท.” อย่างเป็นทางการ

รับแจ้งเหตุ – ร้องทุกข์ – ระงับธุรกรรม – สอบสวน – ดำเนินคดี

• ทำงานได้ครบวงจรและรวดเร็ว


🤝 8. ผู้ให้บริการต้อง “ร่วมรับผิด” หากไม่ป้องกัน

• ธนาคาร / แพลตฟอร์ม / ค่ายมือถือ / โซเชียลมีเดีย

• ถ้า ละเลย ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ = ต้องรับผิดร่วม


🚨 9. เพิ่มโทษหนักขึ้นในหลายกรณี


9.1 💰 ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ = โทษทั้งจำทั้งปรับ

• เช่น ไม่ยอมระงับบัญชี / เปิดบัญชีม้า / ไม่ปิดบัญชีตามคำสั่ง


9.2 📞 ซื้อ-ขายเบอร์โทร อย่างไม่ถูกต้อง

• เช่น ขายซิมให้มิจฉาชีพ = โดนจำคุกหรือปรับ


9.3 📂 ซื้อขาย / เปิดเผย / ครอบครองข้อมูลบุคคล

• โดยมุ่งหวังก่ออาชญากรรม = โทษหนักสุดถึง จำคุก 5 ปี / ปรับ 5 แสนบาท


 สรุปง่าย ๆ คือ…

• ป้องกันไซเบอร์คุกคามได้ เร็วขึ้น

• รัฐมี เครื่องมือทางกฎหมายทันสมัย

• ทุกฝ่ายต้อง “ร่วมรับผิด” เพื่อหยุดวงจรบัญชีม้า-ฟอกเงิน-ปลอมตัว


📌 #DE #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม




สรุปโทษจาก พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 แบบ เข้าใจง่าย

ประกาศใช้ 13 เม.ย. 2568


📌 1. เปิดช่องให้ภาครัฐขอข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล


- กรณี “มีเหตุอันควรสงสัย” ว่าอาจเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

- รัฐสามารถ ขอข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล บัญชี และธุรกรรม

- เพื่อ “ป้องกัน” (ยังไม่เกิด) และ “ปราบปราม” (เกิดแล้ว) ได้


📩 2. ค่ายมือถือ ต้องคัดกรอง SMS หลอกลวง


📲 ตามมาตรฐาน กสทช.

เพิ่ม มาตรา 4/1 — เน้นยับยั้งภัยจากมิจฉาชีพผ่านข้อความ


🚫 3. สั่งตัดเบอร์มือถือที่ใช้ก่ออาชญากรรมได้ทันที


- ถ้ามีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าใช้ซิมก่ออาชญากรรม

- กสทช. มีอำนาจ “สั่งระงับการให้บริการ”

- โดยแจ้งผ่านตำรวจ, DSI, ปปง., หรือ ศปอท. แล้วแต่กรณี


🤝 4. กลุ่มที่ “อาจต้องร่วมรับผิดชอบ” หากเกิดความเสียหาย


รวมถึง:

• 🏦 สถาบันการเงิน

• 📡 ค่ายมือถือ/โทรคมนาคม

• 🌐 โซเชียลมีเดีย

• 📲 แพลตฟอร์มเกี่ยวข้อง


❗ เว้นแต่จะ พิสูจน์ได้ว่าทำตามมาตรฐานที่กำหนด แล้ว


💸 5. ไม่ระงับบัญชีตามคำสั่ง “ศปอท.” = โดนปรับ


ถ้า ธนาคาร / ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล

ไม่ระงับบัญชีตามคำสั่ง

• ปรับนิติบุคคล ไม่เกิน 500,000 บาท

• ผู้บริหาร (เช่น กรรมการ) ที่เกี่ยวข้องมีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

🔗 [มาตรา 8/11]


📱 6. ขายซิมให้คนร้าย รู้หรือควรรู้ = มีโทษ


ถ้า

• ขายซิมแล้วลงทะเบียนไม่ถูกต้อง

• ผู้ขาย รู้หรือควรรู้ว่าใช้ก่ออาชญากรรม

⚖️ มีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

🔗 [มาตรา 11/1]


🖥️ 7. ไม่ลบ / ไม่ระงับข้อมูลตามคำสั่งเจ้าพนักงาน = มีโทษ


กรณีเจ้าหน้าที่สั่งให้ระงับหรือเอาข้อมูลออก

⚖️ หากไม่กระทำมีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

🔗 [มาตรา 8/12]


⚰️ 8. เอาข้อมูลคนตายไปใช้ = โดนหนัก!


ถ้า

• เอาข้อมูลของผู้เสียชีวิตไปใช้ / เผยแพร่ / ครอบครอง / แสวงหาผลประโยชน์

⚖️ มีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


• ถ้ามีพฤติกรรมเสนอขาย/ซื้อ/แลกเปลี่ยน ฯลฯ

📌 มีโทษหนักขึ้น: จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

🔗 [มาตรา 11/2]


🏁 สรุปสั้น ๆ


พระราชกำหนดนี้ออกมาเพื่อ

✅ ป้องกันภัยไซเบอร์ก่อนเกิด

✅ สกัดความเสียหายแบบทันควัน

✅ บังคับใช้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

✅ เพิ่มโทษผู้ละเลย-ผู้เกี่ยวข้อง-และผู้กระทำผิดโดยตรง






สรุปข่าว ก.ล.ต. พร้อมยกระดับปิดกั้นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลเถื่อน หลัง พ.ร.ก. ใหม่มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 2568 :


สาระสำคัญ


เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 พระราชกำหนด 2 ฉบับ ได้แก่

• พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

• พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568


ได้มีผลบังคับใช้ ซึ่งทำให้สำนักงาน ก.ล.ต. สามารถดำเนินการปิดกั้นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตและมีพฤติกรรมชักชวนคนไทยได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เกณฑ์ที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่คนไทย (ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ)

หากมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ แพลตฟอร์มต่างชาติต้องขออนุญาต ก.ล.ต.:

1. มีเนื้อหาแสดงผลเป็นภาษาไทย

2. ใช้ชื่อโดเมน .th หรือคำที่สื่อถึงประเทศไทย

3. ให้ชำระเงินเป็นเงินบาท หรือผ่านบัญชีธนาคาร/อิเล็กทรอนิกส์ในไทย

4. ใช้กฎหมายไทยเป็นกฎหมายบังคับหรือระบุให้ฟ้องคดีในศาลไทย

5. มีการซื้อโฆษณาเฉพาะเพื่อให้คนไทยเข้าถึง

6. มีสำนักงานหรือบุคลากรในไทย

7. มีลักษณะอื่นตามที่ ก.ล.ต. กำหนด


บทบาทของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE):

สามารถสั่งปิดกั้นเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการที่มีพฤติกรรมข้างต้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.


ข้อกำหนดใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี:

• ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต้องแลกเปลี่ยนข้อมูล คัดกรอง และระงับธุรกรรมหรือบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมแบบเดียวกับธนาคารพาณิชย์

• ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต้องคืนเงินผู้เสียหาย โดยผ่านกลไกการคืนเงิน โดยที่ผู้เสียหายไม่ต้องฟ้องศาลแพ่ง

• มีระบบขึ้นบัญชีดำ (blacklist) บุคคลหรือ wallet ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม และห้ามทำธุรกรรมกับบัญชีเหล่านั้น


บทลงโทษสำหรับเจ้าของบัญชีม้า (บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปิดให้ผู้อื่นใช้กระทำความผิด):

จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


คำแนะนำจาก ก.ล.ต.:

ประชาชนควรใช้บริการผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตในไทย เพราะจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนการใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศมีความเสี่ยงสูง เช่น การถูกหลอกลวง (scam) และอาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน




ree

 
 
 

ความคิดเห็น


  • alt.text.label.Facebook
  • Youtube
  • TikTok

©2024-2025 โดย กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 3 

จัดทำโดย ร.ต.อ.ขวัญชัย  คำทา รอง สว.(สอบสวน) กตค.บก.กค.ภ.3

โทร 04-425-5275 ต่อ 199

bottom of page